ผู้เขียนเคยเขียนบทความเรื่องการคอรัปชั่นหลายเรื่องครับ โดยระยะหลังนี้ได้ว่าเขียนเรื่องนี้เป็นชุดเลยทีเดียว
เริ่มต้นเขียนเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๔ เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ เรื่อง “โปรดช่วยกันทำให้คนโกงไม่มีที่ยืน” โดยขอให้ประชาชนที่รู้เรื่องการคอร์รัปชั่นให้ช่วยกัน โดยแจ้งเบาะแสได้ที่เบอร์ Hotline ๑๒๙๙ หรือตู้ ปณ ๔๔๔ หรือหน่วยทหารทั่วประเทศ
ประกอบกับในตอนนั้นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้รับการรับรองให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว (อ่านรายละเอียดได้ใน http://oknation.nationtv.tv/blog/puthsup-govservice/2017/07/14/entry-1)
และเป็นที่น่ายินดีที่ปัจจุบันศาลดังกล่าวได้เปิดทำงานแล้วศาลดังกล่าวแล้ว มีเรื่องที่นำขึ้นสู่ศาลนี้หลายกรณีและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองบางรายก็ได้ถูกลงโทษให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ ที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ผู้เขียนได้เขียนบทความเกี่ยวกับการคอรัปชั่นอีก คราวนี้เขียนเรื่อง “การโกงเงินหลวงง่ายๆ ตรวจสอบก็ง่าย แต่ก็ไม่ค่อยสนใจตรวจสอบกัน”
โดยได้ยกตัวอย่างการยืมเงินหลวงไปแล้วไม่คืนภายในเวลาที่กำหนด แล้วอาจใช้เงินจำนวนมากไปหมุนหาประโยชน์ส่วนตัว (อ่านรายละเอียดได้ที่ http://oknation.nationtv.tv/blog/puthsup-govservice/2017/07/17/entry-1)
สุดท้ายเมื่อวันอังคาร ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ผู้เขียนก็ได้เขียนเรื่องคอร์รัปชั่นต่อเนื่องอีก นั่นคือเรื่อง “การคอร์รัปชั่นที่ตรวจสอบยากก็ทำได้ครับ หากทุกคนช่วยกัน”
ในบทความเรื่องสุดท้ายนี้ ได้ยกตัวอย่างกลโกงของข้าราชการหลายกรณี เช่น การโกงจากการตรวจรับงานและการโกงจากการจัดการประชุมสัมมนา เป็นต้น (อ่านรายละเอียดได้ที่ http://oknation.nationtv.tv/blog/puthsup-govservice/2017/08/01/entry-1/)
ที่จริงตอนนั้นก็เห็นรูปร่างของฝีแล้วครับเพราะ ป.ป.ช. ได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตั้งอนุกรรมการไต่สวนกรณีสำนวนการทุจริตเบิกจ่ายเงินงบประมาณในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มูลค่า ๒๐ ล้านบาท หรือเรียกกันง่ายๆ ว่า “เงินทอนวัด”
และยังมีกรณีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนกรณีสำนวนการทุจริตเบิกจ่ายเงินงบประมาณในการบูรณปฏิสังขรณ์อีก ๑๑ คดี
แต่ตอนนั้นฝียังไม่แตกจริง เพิ่งจะแตกในตอนหลัง เพราะตอนนี้พระบางรูปก็ถูกจับสึกและอยู่ในคุกแล้ว ข้าราชการที่ถูกกล่าวหาบางรายก็ขึ้นศาลแล้ว
คราวนี้ฝีแตกอีกแล้วครับ เริ่มต้นที่ศูนย์คนไร้พึ่งจังหวัดขอนแก่น เพราะนักศึกษาที่ไปฝึกงานเห็นการปลอมเอกสารเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้แล้วอดรนทนไม่ได้ ก็เปิดปากขึ้นมา ลูกจ้างที่เคยทำงานที่นั่นก็ร่วมเปิดเผยขึ้นมาอีกคนหนึ่ง
เมื่อสำนักงาน ป.ป.ท. เข้าไปตรวจสอบก็เห็นว่าน่าจะมีกรณีเช่นนี้ในจังหวัดอื่นด้วย จึงส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ ซึ่งตอนนี้พบว่ามีที่ศูนย์คนไร้พึ่งจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดสุราษฎร์ธานีด้วย ทั้งนี้ อยู่ในระหว่างการตรวจสอบเพิ่มขึ้นอีกหลายจังหวัด
สิ่งที่น่าดีใจก็คือประเทศไทยมีคนกล้าที่จะชี้เบาะแสการทุจริตแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายกย่องชมเชย ในขั้นต้นนี้ทราบว่าสำนักงาน ป.ป.ท. ได้มอบโล่ให้แก่ผู้ชี้เบาะแสทั้งสองรายไปแล้ว
และสิ่งที่ทางราชการต้องทำเป็นอย่างยิ่งก็คือการให้ความคุ้มครองแก่ผู้ชี้เบาะแสและครอบครัวของผู้แจ้งเบาะแสให้ดี เพราะช่วยให้มีผู้กล้าแจ้งเบาะแสมากขึ้น
ผลการสอบสวนของสำนักงาน ป.ป.ท. ในเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ฝีแตกมากน้อยแค่ไหน จะเป็นฝีฝักบัวหรือเป็นฝีหัวช้างหรือไม่ เป็นเรื่องที่สำนักงาน ป.ป.ท. จะทำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์
เป็นที่น่ายินดีเช่นกันที่ พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก็ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมาลชนว่า พม. ก็ได้ดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้อยู่
ครับ ก็พอจะมีความหวังขึ้นบ้างละกระมังว่า การคอร์รัปชั่นในบ้านเราคงจะลดน้อยถอยลง อย่างน้อยคนที่กำลังคิดจะทำก็น่าจะได้หยุดคิดและหยุดทำกันแล้ว
แม้ประเทศไทยจะยังไม่สะอาด ปราศจากคอร์รัปชั่น แต่การเริ่มต้นที่ดีเขาว่ามีชัยไปครึ่งหนึ่งแล้วไม่ใช่หรือครับ
พุธทรัพย์ มณีศรี