กรุณาระบุคำค้นหาที่ท่านต้องการ

ลงลายชื่อรับเบี้ยประชุมโดยไม่ได้เข้าร่วมประชุม
บทความใสสะอาด
26 ตุลาคม 2565
ผู้เข้าชม 207 คน

    สมัยผู้เขียนยังเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย เคยเห็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ใหญ่ระดับหัวหน้าส่วนราชการนั่นแหละครับ มาประชุมคณะกรรมการคณะหนึ่ง แต่เดินทางมาถึงตอนที่เลิกการประชุมและกรรมการได้เดินออกจากห้องประชุมกันหมดแล้ว แต่กรรมการบางท่านยังยืนคุยอยู่ที่ระเบียงตึก กรรมการที่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านนั้นมายืนคุยด้วย ซึ่งผู้เขียนเข้าใจว่าท่านคงจะพูดคุยกับกรรมการท่านอื่นแล้วเดินทางกลับ แต่ผู้เขียนเข้าใจผิดครับ เพราะข้าราชการท่านนั้นได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่ทำงานฝ่ายเลขานุการเพื่อขอลงลายมือชื่อในฐานะกรรมการผู้เข้าร่วมประชุม นั่นก็ยังไม่สำคัญเท่ากับการที่ขอเบิกเบี้ยประชุมทั้งๆ ที่ไม่ได้ประชุมด้วย หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือไม่ได้เข้าแม้แต่ห้องประชุม
ความนับถือที่ผู้เขียนเคยมีต่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านนั้นหมดลงทันที และภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังติดตาผู้เขียนอยู่ถึงทุกวันนี้ ผู้เขียนเห็นว่าข้าราชการผู้ใหญ่ท่านนั้นทุจริตและประพฤติมิชอบในราชการ เบิกเงินหลวงโดยที่ตนเองไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่

    ดังนั้น เห็นข้าราชการท่านนี้ทีไร หากหลบได้ได้ก็รีบหลบ แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็จำเป็นต้องยกมือไหว้ ไม่ได้ไหว้ทั้งสิบนิ้วหรอกครับ ใช้เพียงเก้านิ้วเท่านั้น ท่านผู้อ่านทราบไหมครับว่าวิธีไหว้คนที่เราไม่นับถือด้วยวิธีไหว้เพียง 9 นิ้ว นั้นทำอย่างไร ง่ายๆ ครับ ก็แค่งอนิ้วก้อยนิ้วหนึ่งเท่านั้นแหละครับ

    กลับมาเรื่องการรับเบี้ยประชุมโดยไม่ได้ประชุมอีกครั้งหนึ่งครับ นึกว่าจะไม่ได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้อีกแล้ว เพราะคนธรรมดาสามัญที่มีจิตสำนึกเพียงพอเขาก็ไม่ประพฤติปฏิบัติกันอยู่แล้ว แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้น่าเกลียดยิ่งกว่าครั้งก่อนอีกครับ

    ครั้งก่อนนั้น ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านนั้นตั้งใจไปประชุม คงไม่ได้ตั้งใจที่จะไม่ประชุมหรอกครับ แต่อาจมีเหตุขัดข้องทางเทคนิคบางประการ จึงไปประชุมไม่ทัน แต่กรรมการคนที่ผู้เขียนเห็นครั้งสุดท้ายนี้ เป็นการกระทำที่มีการวางแผนมาล่วงหน้า เรียกว่าวางแผนที่จะทุจริตและประพฤติมิชอบในราชการทีเดียวเพราะเช้าวันนั้นมีการประชุม 2 คณะ เดินทางที่การประชุมคณะหนึ่งก่อน โดยขอลงลายมือชื่อและรับเบี้ยประชุมไปก่อนที่มีการประชุม แล้วรีบเดินทางไปประชุมอีกคณะหนึ่งทันที สรุปได้ว่า บุคคลผู้นี้ได้แสดงเจตนาอย่างเด่นชัดว่าต้องการรับเบี้ยประชุมคณะกรรมการทั้ง ๒ คณะ

    กรณีเช่นนี้หากเป็นส่วนราชการและรับเบี้ยประชุม ๒ ครั้ง ในเวลาเดียวกัน หาก ส.ต.ง. ตรวจพบ ก็ถือเป็นการคอร์รัปชั่นเงินหลวง เป็นข้าราชการก็ถูกลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง ถูกไล่ออกจากราชการอย่างแน่นอน เพื่อนฝูงที่ยังมีความจำเป็นต้องไปประชุมที่ส่วนราชการบางแห่งเคยเล่าให้ฟังว่า ได้พบเห็นการกระทำแบบนี้เป็นประจำ ส่วนใหญ่เป็นเป็นกรรมการ โดยตำแหน่งมักจะเข้าประชุมคณะกรรมการคณะหนึ่ง สักพัก ก็เดินออกไปประชุมกับคณะกรรมการอีกคณะหนึ่ง ซึ่งสถานที่ประชุมอยู่ในที่ทำงานเดียวกัน

    หากรับเบี้ยประชุมเพียงคณะเดียวก็ไม่เป็นปัญหาหรอกครับ แต่หากรับเบี้ยประชุมในเวลาเดียวกันมากกว่า 1 คณะ การ “วิ่งรอก” เพื่อเข้าร่วมประชุมก็จะกลายเป็น “วิ่งราว” เงินหลวงไปนะครับ เสียดายแทนครับ หากรับราชการมานานแล้วถูกไล่ออกจากราชการโดยไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญ นั่นก็ยังเรื่องเล็ก เพราะอาจมีเงินเก็บบ้าง เรื่องใหญ่คือเกียรติยศชื่อเสียงที่สั่งสมมานาน

ดังนั้น ทุกหน่วยงานจึงต้องเร่งสร้างจิตสำนักให้แก่ข้าราชการทุกระดับให้ตระหนักถึงความสำคัญในการกระทำอันเป็นการทุจริตและประพฤติมิชอบในราชการเช่นการเบิกเบี้ยประชุมซ้อนในเวลาเดียวกัน

    สำหรับเหตุการณ์ที่ผู้เขียนได้เห็นการวางแผนกระทำที่เบิกเบี้ยประชุม ๒ คณะในเวลาเดียวกันนั้นไม่ได้เป็นข้าราชการหรอกครับ โทษฐานวินัยคงไม่มี แต่เอาเข้าจริงก็อาจถูกฟ้องในข้อหายักยอกเงินหลวงได้ สิ่งที่บุคคลผู้นั้นได้รับในทันทีคือการดูถูกดูแคลนจากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบและบุคคลที่ได้เห็นการกระทำนั้นซึ่งรวมทั้งผู้เขียนด้วย เกียรติยศชื่อเสียงที่สร้างสมมาไว้มานานนับเป็นปีๆ แลกกับเบี้ยประชุมเพียงไม่กี่พันบาท

    ขอเขียนวันนี้อาจเตือนสติให้ทั้งข้าราชการและบุคคลที่เคยกระทำไปแล้ว หรืออาจเป็นการเตือนสติให้กับบางคนที่คิดจะกระทำเช่นนี้บ้าง เชื่อเถิดครับว่าการกระทำเช่นนี้ไม่คุ้มแน่นอน วิธีการอย่างหนึ่งที่หน่วยงานกระทำได้คือต้องกำชับเจ้าหน้าที่ให้จ่ายเงินเบี้ยประชุมหลังจากที่ประธานได้เปิดการประชุมและได้พิจารณาบางเรื่องไปบ้างแล้ว ยังได้ชื่อว่ากรรมการทุกคนมีส่วนในการประชุมครั้งนั้นด้วย แต่อย่าให้ถึงกับต้องจ่ายเบี้ยประชุมหลังจากประธานกล่าวปิดประชุมเลย ไม่คุ้มกับการรอคอยรับเบี้ยประชุมกันหรอกครับ จะบอกให้

ก่อนจบได้เห็นความใจกว้างของทางราชการ ที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. 2547 ที่ได้กำหนดให้สามารถใช้วิธีการติดต่อสื่อสารด้วยเทคโนโลยีที่สามารถถ่ายทอดภาพและเสียงได้อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งทำให้กรรมการหรืออนุกรรมการไม่จำเป็นต้องปรากฏตัวในที่ประชุม โดยถือว่ากรรมการหรืออนุกรรมการได้นั้น ร่วมประชุมคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการนั้น และมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมด้วย

พุธทรัพย์ มณีศรี
(เผยแพร่ วันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ : OK Nation Blog)

บทความใสสะอาด ที่เกี่ยวข้อง
Hover Icon
บทความใสสะอาด
ตามไปดูลูกสาวของแผ่นดินที่สงขลา
14 กุมภาพันธ์ 2566
245
Hover Icon
บทความใสสะอาด
คืนคุณภาพสู่ห้องเรียน
06 กุมภาพันธ์ 2566
1,781
Hover Icon
บทความใสสะอาด
จริยธรรมข้าราชการพลเรือน
06 กุมภาพันธ์ 2566
819
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ คุณสามารถเลือกตั้งค่าความยินยอมการใช้คุกกี้ได้ โดยคลิก "การตั้งค่าคุกกี้" นโยบายความเป็นส่วนตัว

การตั้งค่าคุกกี้